ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บ md3skn.org เว็บหวยออนไลน์ยอดนิยมอันดับ 1 เปิดบริการแล้ววันนี้ 24 ชม. ฝาก ถอนด้วยระบบอัตโนมัติ จ่ายไว จ่ายหนัก บาทละ 990

1 Day Trip

หัวข้อนำทาง

สวัสดี ค่ะ วันนี้จะมาแนะนำสถานที่เที่ยวสวยๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในเมืองหลวงของเรานั่นเองค่ะ 🙂 ที่เที่ยวที่ว่านี้ ให้สามคำเลยค่ะ ” สวย ถูก และดีงามมมมมม” แทแด๊นนนนนน นั่นก็คือ ” 1 Day trip นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา” ซึ่งกำลัง ฮอต ฮิต ติดลมบน ของชาวต่างบ้านต่างเมืองของเรามาก แบบนี้เราเจ้าถิ่นจะพลาดไปได้อย่างไร พร้อมแล้วก็ใส่ชูชีพ ไปลงเรือกันเลยดีกว่าค่าาา 🙂 สำหรับการเดินทางด้วย BTS ลงสถานี สะพานตากสิน ทางออก 2 เดินลงบันได เลี้ยวขวา แล้วตรงไปเรื่อยๆ ให้สังเกตทางซ้ายมือ จะเจอป้ายท่าเรือด่วนเจ้าพระยา ไม่รอช้าแล้วนะคะ พุ่งตัวเข้าไปซื้อตั๋ว กันดีกว่า 🙂 สำหรับ ตั๋ว จะมีสองแบบค่ะ แบบแรก คือ ตั๋วโดยสารแบบไม่จำกัดเที่ยว ขึ้นได้ทั้งวัน ตั้งแต่ 06:00 – 18:00 ราคาค่าตั๋ว 150 บาท/วัน อีกแบบ ก็คือ ซื้อเอาที่แต่ละท่าเรือได้เลยค่ะ ราคา 40 บาท/ครั้ง ถ้าหากเราจะเที่ยวทั้งวันไปหลายที่ แบบเหมาจะคุ้มกว่าค่ะ แต่ถ้าเรามีจุดมุ่งหมาย ที่จะแวะ แค่จุดสองจุด ก็ซื้อเอาที่ท่าเรือนั้นๆ จะดีกว่าค่ะ สำหรับ ผู้เขียนก็ซื้อแบบเหมา สะดวกสบายดีค่ะ ซื้อปุ๊ป อยากขึ้นอยากลง ก็ยื่นให้เค้าดู และที่สำคัญ ลงเกือบทุกท่าเลยค่ะ แถมไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วใหม่ทุกรอบ โอเค ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว เรามาดูท่าเรือ และแผนการเดินทางที่เราจะลงกันดีกว่า จะมีอยู่ 10 ท่าเทียบเรือ ด้วยกัน ตอนนี้เราอยู่ที่สาธร จะเลือกไปทางเส้น พระอาทิตย์ ก่อนนะคะ เรือจะเข้าท่าทุกๆ 15 นาที เรือด่วนเจ้าพระยาสังเกตง่ายๆจะมี ” ธงสีฟ้า” ติดที่เรือทุกลำ และที่ท่าเรือ อย่าขึ้นผิดลำน๊าาา 🙂 ภายในเรือ ก็จะกว้างขวาง เพราะ เป็นเรือลำใหญ่ ข้อมูลเราน่าจะพร้อมทุกอย่างแล้วเนอะ งั้นอย่ารอช้าไปลุยกันเลยค่าาาา ท่าเรือแรก ที่เราจะขึ้น นั่นก็คือ N1 ท่าเรือโอเรียนเต็ล (Oriental) เราไปเฉพาะสถานที่ไม่ไกล จากท่าเรือมากค่ะ อาสนวิหารอัสสัมชัญ : ห่างจากท่าเรือไม่มากนัก เดินเท้าประมาณ 5 นาทีก็ถึงเลยค่ะ วันนี้มีงานแต่งงาน เราจึงอดเข้าไปชมความงามด้านใน (เสียใจ) เจ้าสาวกำลังจะโยนดอกไม้พอดี แทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปรับเลยทีเดียว ตึกเก่า ไม่แน่ใจว่าชื่อ อะไรเหมือนกันค่ะ แต่สวยคลาสสิคดี 🙂 ส่วนตัวเราชอบที่นี่ มากค่ะ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่คือ มีความงาม อีกซักรูปแล้วกันนะคะ ไปต่อที่ท่าเรือถัดไปกันเลยนะคะ เราเลือกที่จะไปลงที่ท่า ” วัดอรุณ” ว่ากันว่า หากได้มีโอกาสมากราบไหว้พระ ที่” วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร” > ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน ” พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก” พระประธานในพระอุโบสถ พระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม ตำนาน กำเนิดท่าเตียน ‘ ยักษ์วัดแจ้ง’ พระปรางค์วัดอรุณ รอยพระพุทธบาทจำลอง สำหรับท่าเรือวัดอรุณ สามารถต่อเรือเพื่อไปกราบไหว้พระ ได้อีก 4 วัดด้วยกัน ที่แรก นั่งเรือข้ามฟากที่ไปท่าเรือ ‘ ท่าเตียน’ เพื่อเดินต่อไปยัง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) ค่าเรือข้ามฟาก อยู่ที่ 4 บาท/เที่ยว ไป-กลับ ก็ 8 บาท พระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือเรียกกันว่า พระนอนวัดโพธิ์ ด้านหลังคือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ค่ะ “พระพุทธเทวปฏิมากร” พระประธานในพระอุโบสถ ที่ถัดมา นั่นก็คือ นั่งเรือ จากวัดอรุณ ไปที่” วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร” และ “วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร” สำหรับการเดินทางก็ซื้อตั๋วที่ท่าขึ้นเรือจากวัดอรุณราคา 30 บาท ไปได้ทั้งสองวัดค่ะ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร : โด่งดังในเรื่องการขอพรให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และมีมิตรไมตรีที่ดี เครื่องสักการะอันได้แก่ ธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่ และดอกไม้พวงมาลัยเพื่อความเป็นสิริมงคล “พระพุทธไตรรัตนนายก” หรือที่คนจีนเรียกกันติดปากว่า “ซำปอกง” ส่วนคนไทยมักเรียกว่า “พระโต” หรือ “หลวงพ่อโต” ไหว้พระประธานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขึ้นเรือไปกันต่อที่ ” วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร” วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ว่ากันว่า(อีกแล้ว) หากได้มากราบไหว้ จะมีชื่อเสียงโด่งดัง คนนิยมชมชอบ ” พระประธานยิ้มรับฟ้า” วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ระฆังทอง เดี๋ยวก่อนๆ นะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหน ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้ มีเพียงแค่วัดเท่านั้น สถานที่สวยๆ ชิคๆ ยังมีอีกเพียบเลยค่ะ ปะๆ ขึ้นเรือต่อไปกับเราเลยยย รอบนี้เราจะไปลงที่จุด N13: พระอาทิตย์ ค่ะ ตอนแรกก็งงๆ ที่นี่ จะไปเที่ยวตรงไหนดีนะ งั้นเดินๆ ไปก่อนแล้วกันเนอะ ระหว่างทางเดินจากท่าเรือ ไปที่ถนนเส้นหลัก(ไม่ไกล) จะเจอร้านขายของฝากให้นักท่องเที่ยว สุดทางก็เลี้ยวซ้าย แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอนี่เลย ” สวนสาธารณะสันติชัยปราการ” บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น และเย็นสบาย แอบเห็นฝรั่งนอนหลับกันสบายเชียว “พระที่นั่งสันติชัยปราการ” ภายในสวน ใกล้ๆกัน ก็จะมี ” ป้อมพระสุเมรุ” ด้านหน้าป้อมพระสุเมรุ นั่งเล่นที่สวน กินน้ำอร่อยๆ อยู่นาน ตาชักเริ่มหรี่ลงเรื่อยๆ ไม่ได้การละ รีบไปกันต่อเลยดีกว่าค่ะ งั้นลองเดินตรงไปอีกนิดนึง ก็ไปเจอสถานที่ที่น่าประทับใจอีกหนึ่งที่ นั่นก็คือ ” พิพิธบางลำพู” บรรยากาศด้านใน เงียบสงบและสวยงาม ตามท้องเรื่อง พนักงานให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี ที่นี่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการเข้าชม ในส่วนของชั้น 2 จะปิดให้เข้าช่วง 16:00 ค่ะ (เราอด) ภายใน ก็จะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ ไทย เกี่ยวกับ ประตูเมืองต่างๆ และ โบราณสถาน ซึ่งทำวิดีทัศน์ออกมาได้น่าสนใจมากค่ะ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคล 82 พรรษา อิ่มเอมใจไปกับ นิทรรศการดีๆ ไปแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พระอาทิตย์ ก็คล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ ทำไงดี ยังเหลือที่เที่ยวอีกตั้งสองที่แหนะ โอเค คราวนี้จะนั่งเรือย้อนกลับไปทางท่าเรือสาธรกันแล้วค่ะ และจะลงเรือกันที่ ท่าเรือ ” ท่ามหาราช” ที่นี่เป็นสถานที่ชิคๆ มีนิสิต นักศึกษา มาถ่ายรูปชุดครุย กันเยอะเลย ที่สุดท้ายในวันนี้ เราต้องรีบขึ้นเรือ ก่อน 18:00 ไม่งั้นเดี๋ยว เรือหมด อดไป นั่นก็คือ ” เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ไปถึงฟ้าก็มืดซะแล้วว ซึ่งที่นี่ กำลังเปิดไฟกันสวยงามพอดีเลยค่ะ ปล. สำหรับเรือกลับไปที่ท่าเรือสาทร จะมีเรือฟรี คอยรับ-ส่ง น่าจะจนถึงประมาณ ห้าทุ่ม ค่ะ ที่นี่ จะมีร้านอาหาร บรรยากาศดี ๆ ลมเย็นๆ เพลงเพราะๆ ไฟสวยๆ เหมาะ สำหรับดินเนอร์ ค่ะ และที่ขาดไม่ได้เลย ไฮไลต์ ก็คือ ชิงช้าสวรรค์ พอเปิดไป สวยงามขึ้นมาทันตา แบบใกล้ๆ ก็แหงนกันจนปวดคอ จบแล้วนะคะสำหรับทริปนี้ ทุกอย่างกำลังพอดี สถานที่ดีๆ เพื่อนร่วมทางดีๆ เวลาหมดไปอย่างคุ้มค่าที่สุด ได้ทำบุญอิ่มเอมใจ ได้ท่องเทียวก็สุขหัวใจ คือ ดีต่อใจ <3 (เป็นเหมือนกันไหมคะ?) ขอบคุณทุกท่าน ที่ลงเรือไปเที่ยวด้วยกันนะคะ แล้วไปเที่ยวด้วยกันใหม่ ในทริปต่อไปน๊าาาา 🙂 -----------------------------------------------------------------------------------------------