บอกก่อนเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เรามาเขียนกระทู้เล่าเรื่องราวการไปเที่ยวของเราเอาเป็นว่าถ้าผิดพลาดอะไรยังไงก็ขออภัยกันไว้แต่ต้นเนอะ มาๆเข้าเรื่องเลย เราขอเกริ่นก่อนละกัน ว่าทริปนี้เราวางแผนกันล่วงหน้าเป็นเดือนๆเลยทีเดียว เนื่องจากพวกเราทุกคนทำงานกันจันทร์-เสาร์ (แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคของการท่องเที่ยว 55555+) อ่อ บอกไว้ก่อนว่าเราเลือกเที่ยวในช่วงวันหยุดติดกับวันอาทิตย์ ออกเดินทางหลังเลิกงานเย็นวันเสาร์ที่ 29 เมษายน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องวางแผนการจองตั๋วและที่พักล่วงหน้าจ้า โดยเราเลือกที่จะซื้อตั๋วไว้ก่อนเลยล่วงหน้าแทนการจองเนื่องจากกลัวไปถึงไม่ทัน (ถ้าหากเรา “จอง” นั่นหมายความว่าคุณต้องไปถึงเคาท์เตอร์ล่วงหน้าประมาน 1-2 ชั่วโมงก่อนการเดินทางไม่งั้นคุณจะโดนเทนะจ๊ะ มันเป็นกฎที่มีเวลาจำกัด) เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันต่อ เราเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ของ บริษัท โชคอนันต์ทัวร์ ปรับอากาศชั้น 1 ที่นั่งสบายพี่โชเฟอร์ขับรถได้นิ่มมากค่ะ เดินทางหลับกันยาวๆ เลยจ้า กรุงเทพ – ระนอง มารู้สึกตัวอีกทีตอนเข้าเขตระนองแล้วก็จะมีผู้โดยสารลงตามจุดต่างๆบ้างประปราย และด้วยความมึนงง ตื่นมาแบบงัวเงียๆ ได้ยินพี่คนรถบัสเค้าบอก “ขนส่ง ขนส่ง” ไอ้เราก็แบบ เห้ย อะไรว่ะ มองข้างกระจก เอ๊ะ ถึงขนส่งแล้วหรอ หันหน้าหันขวาปรึกษากัน ทำไมมันดูแปลกๆ ไม่เห็นมีชานชาลาเลย คิดในแง่ดี มันอาจจะเป็นหน้าขนส่งก็ได้มั้ง เออก็คิดได้เนอะ 5555 เอ้า ลงก็ลงคงใช่ละมั้งแว่วๆว่าขนส่งก็คงใช่ สี่สาวก็พากันลงรถไป ปรากฏว่า มันไม่ใช่อ่ะแกร สรุปมันคือ..ป้อมขนส่ง… – – จ้ะ ทีงี้เอาไงดีจะกลับขึ้นรถก็รู้สึกอายๆ 5555 จะไปต่อเองก็ไม่มีรถ มีพี่คนนึงที่เค้าลงพร้อมเราถามว่าจะไปเกาะพยามกันใช่มั้ย เค้าเลยแนะนำว่าอีกไกลอยู่กว่าจะถึง บขส. (เราจึงขอขอบคุณพี่ผช.คนนั้น มา ณ ที่นี้ด้วย) กลับเข้าสู่โหมดอารมณ์ คือเข้าใจคำว่าหน้าแตกมั้ยคะ 555 ขำก็ขำ ง่วงก็ง่วง งงก็งง อายก็อาย แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะกลับไปขึ้นรถใหม่พร้อมสัมภาระที่พี่เค้าเอาออกมาให้จากใต้ท้องรถ ด้านได้อายต้องเดิน เพราะฉะนั้นมั่นหน้าค่ะคุ๊ณณณ ทำประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น มั่นมากกกกก 5555 เรามาถึงบขส.ระนองกันเวลาโดยประมานคือตีห้าครึ่งมั้งคะถ้าจำไม่ผิด พอมาถึงปุ๊บก็เหมือนเดิมค่ะ เดินไปตั้งหลักแบบงงๆ ที่ม้านั่งตรงชานชาลาว่าจะเอาไงต่อดี จริงๆที่อ่านรีวิวในพันทิพมาก่อนหน้านี้เค้าบอกว่าจะมีรถสองแถวสะพานปลาที่จะสามารถต่อนั่งไปลงท่าเรือได้ราคา 15 บาทตลอดสาย (แต่ป่านนั้นที่ไปถึงยังไม่มีรถออกต้องรอเช้าอีกหน่อย) ไอ้เราก็แบบหันซ้ายแลขวามีรถรับจ้างมากหน้าหลายตามาถามไถ่จะไปไหนยังไง มีใครมารับมั้ย ประหนึ่งว่าเป็นห่วง (อ่อ…เปล่าจ้าารับจ้างทั้งนั้น 5555 ราคาแล้วแต่ต่อรอง)ซักพักเราก็ปรึกษากันแล้วจึงตกลงปลงใจกับลุงคนนึงที่ขับสองแถวนี่แหละ คิดในแง่ดีว่าเออ ไปนั่งรอท่าเรือดีกว่า เผื่อไปหาไรกิน ชมวิวทิวทัศน์ ล้างหน้าล้างตาถ่ายรูปบลาๆ วึ่งลุงแกคิดคนละ 30 บาทค่ะ 4 คนก็ 120 บาท ถ้วน ไปส่งถึงหน้าท่าเรือ (แกบอกว่าถ้านั่งสองแถวไปเค้าส่งแค่หน้าปากซอยต้องเดินเข้าไปอีกประมาน 300 เมตร โม้ไม่โม้ไม่รู้แต่ไปแล้ว 5555 ) พอมาถึงก็จัดแจงล้างหน้าล้างตาชิวมากเพราะมาถึงเป็นกรุ๊ปแรก ห้องน้ำสะดวกเดินเข้าออกประหนึ่งอยู่บ้าน ซักพักเมื่อความหิวมาเยือนและไม่เคยปรานีใครเราจึงต้องไปเดินหาอะไรกินกันก่อนจ้า เอ้า ! วกกลับมาพูดถึงบรรยากาศท่าเรือกันหน่อยนี่พูดเลยว่าดีงามมากกก คือแค่ท่าเรือก็ประทับใจแล้วอะแกร >< อ่ะดูภาพๆจะหาว่าข้าโม้นะเออ 55555+ อันนี้พระอาทิตย์กำลังขึ้น มาพูดถึงการเลือกตั๋วเรือโดยสารไปเกาะพยามค่ะจุดนี้จะมีตัวเลือกให้เราค่ะ ระหว่างเรือ SPEED BOAT เวลาเดินทาง 35-40 นาที ราคา 350 บาท/คน กับ เรือเมล์เดินทาง 2 ชั่วโมง ราคา 200 บาท/คน ซึ่งกรุ๊ปเราเลือก Speed Boat เนื่องจากเวลามีค่อนข้างจำกัด เรือออกรอบแรก 07.30 น. ( พอก็ประมาน 07.20น. เจ้าหน้าที่เค้าก็ให้เราขึ้นรถไปลงเรืออีกจุดนึงค่ะที่น้ำขึ้นถึงที่เรือสามารถแล่นได้ ) เอาละทีนี้ได้เวลาเรือออกเราสี่คนก็พร้อมใจกันสวมชูชีพโดยไม่ได้นัดหมายเพื่อความปลอดภัย (เอ่ออ จริงๆมันจำเป็นมากนะ 55 ) Let’s go to เกาะพยามเลยจ้าให้ทายตื่นเต้นมั้ย ดูนี่ 55555+ บอกเลยว่ามากกกกกก อยากชมวิวว อยากสูดกลิ่นนอายทะเล อื้มจ้ะ ! เค็มดี 5555 และพวกเราก็มาถึงเกาะพยามโดยสวัสดิภาพ เย้ๆ พวกเรามาถึงแล้วววจ้าเกาะพยาม ...มมมม ^^ มาถึงก็ไม่ยากเลยค่ะ มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าหลายร้านมาก ราคาตั้งแต่ 150 บาท ไปจนถึง 200 บาท ทั้ง Auto และ เกียร์ธรรมดาตามสะดวกค่ะ อ่อแนะนำนิดนึงลองเดินไปถามหลายๆร้านค่ะเพราะบางร้านเราสามารถต่อรองราคาได้ เราสี่คนเช่า 2 คันค่ะได้มาในราคา 150 บาท/คัน/24ชม. เป็น Auto ซะด้วยปกติร้านอื่นๆจะให้เช่า Auto ราคา 200 นะจ้ะ ก็เลยต่อรองลุงไปนิดหน่อยว่าขอเช่าเลทเวลาไปได้ไหมคิดเหมาไป 200 บาท/คัน คืนรถก่อนบ่ายสอง คือเราเช่าตอนประมาน 8 โมงกว่าๆค่ะ นั่นหมายความว่าต้องคืนรถ 8 โมงเช้าของวันถัดไป คุณลุงเจ้าของร้านก็ใจดีมากค่ะ ตกลงโอเคเลย ( เติมน้ำมัน ขวดละ 35 บาท) คุณลุงตรวจสภาพรถพร้อมไปเติมลมให้เรียบร้อยน่ารักมากค่ะ พร้อมให้ลายแทงมาหนึ่งใบสำหรับการแว๊นรอบเกาะถนนที่นี่ค่อนข้างขึ้นเขาลงเขาพอสมควรนะคะ มีลาดปูนและลูงรังดินต้องเตรียมตัวให้พร้อมนิดนึงน้า สำหรับใครที่ขับมอเตอร์ไซค์ไม่แข็งหรือขับไม่เป็น ก็ด้อนท์วอรี่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ที่นี่มีพี่วินมอไซค์ให้ท่านเรียกใช้บริการนะจ๊ะบริเวณท่าเรือเกาะเดินมาถึงก็เจอเลย สำหรับพวกเราเลือกที่จะจองตั๋วเรือเมล์เพื่อเดินทางกลับล่วงหน้านะคะ ราคา 200 บาท / คน มาแล้วต้องนั่งมันทุกแบบ 555+ เกี่ยวมั้ย อันนี้คือหน้าร้านที่เราเช่ามอเตอร์ไซค์ค่ะ อ่อ..ลืมบอกไป ร้านนี้เค้ารับจองตั๋วเรือโดยสารขากลับล่วงหน้าด้วยนะคะ ทั้ง Speed Boat และ เรือเมล์ นอกจากนี้ตั๋วเครื่องบิน,รถทัวร์ก็มีจองนะคะ มาถึงจุดนี้ไม่ยากเย็นลำบากอย่างที่คิดใช่มั้ยคะ งั้นไปค่ะไปกันต่อ 5555 เมื่อได้มอเตอร์ไซค์แล้วพวกเราก็แว๊นไปจนถึงที่พักแบบงงๆคลำทางตามแผนที่เอาค่ะ โดยยึดอ่าวใหญ่เป็นหลักเพราะที่พักที่จองไว้อยู่ติดหน้าหาดบริเวณอ่าวใหญ่ ชื่อ Bamboo Bungalow Resort มาถึงแล้วก้ต้องร้องว้าวเลยจ้าาาาา สวยงาม บรรยากาศดี สมกับที่ดั้นด้นจองล่วงหน้าเป็นเดือน เดี๋ยวจะหาว่าโม้อีก ดูๆนี่แค่บรรยากาศทางเดินจ้า มาถึงแล้วจ้าาเข้าที่พักก่อนเวลาเช็คอินเล็กน้อยพี่เค้าใจดีให้เข้าก่อนเวลาได้ รับกุญแจห้องมา แล้วก็เดินไปหน้าห้องพักตัวเองค่ะ ห้องพักที่นี่จะแบ่งเป็นโซนนะคะ ถ้าจำไม่ผิดมีตั้งแต่ A-E เราจองที่พักได้โซน E ค่ะ ในส่วนของราคาที่พักมีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันนะจ๊ะอันนี้แล้วแต่งบอีกเช่นกันแต่เราหารกัน 4 คน 5555 ที่พวกเราจองไว้เป็น Bamboo Villa เข้าพักได้ 3-4 ท่าน เตียงคิงไซส์ 2 เตียง มีโต๊ะเครื่องแป้ง พัดลม เก้าอี้เปล นั่งเล่นหน้าบ้าน ห้องน้ำสไตล์กึ่งเอ้าท์ดอร์ ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่บอกเลยบรรยากาศฟินมากห้องน้ำน่านอนง่ะแก 555 มันกว้างไง เงยหน้าไปทีเห้นท้องฟ้าและต้นไม้ใหญ่ ราคา 1,800 บาท / คืน และนี้คือสิ่งที่ได้พูดเลยว่าดีต่อใจ ^^ ที่นี่โดยส่วนตัวเราว่าโอเคมากนะคะ ชอบบรรยากาศเพราะไม่วุ่นวายและค่อนข้างเป็นส่วนตัวเงียบสงบดี ใครที่อยากหนีความวุ่นวายแนะนำที่นี่ค่ะ บรรยากาศได้แบบทูอินวันทั้งป่าและทะเล คือลองนึกภาพตามนะคะ เดินเข้าที่พักเหมือนเดินเข้าป่า พออกจากห้องมาทางหน้าหาดจะค่อยๆได้ยินเสียงคลื่นทะเล และจะได้เจอบรรยากาศแบบนี้ อ่าาาา มันสดชื่นนนนน.... มากมายก่ายกองลืมไปเลยว่าเคยทำงานมาาเมื่อวาน ขนาดนั้นเลยจริงๆนะเออ 555 ....ต่อเลย ถึงไหนแล้วนะ 555 อ่อ หลังจากแยกย้ายกันพักผ่อนแล้วทีนี้ก็เริ่มออกเที่ยวกันเล้ยยยยค้า แว๊นนๆ เอาละคะบอกก่อนเลยว่าเราแว๊นไปแบบไม่มีจุดหมาย 555 คือ แผนที่อ่ะมีแต่ลืมไว้ในห้องไง ออกจากที่พักไปตามทางเรื่อยๆ เลาะไปตามถนนที่เราเชื่อว่ากำลังเลาะอ่าวใหญ่อยู่ เพราะอ่าวนี้จัดว่าเป็นช่วงอ่าวที่ใหญ่และมีชายหาดที่ยาวที่สุดของเกาะพยามแล้วค่ะ (บางคนเรียก Long Beach) พอขับไปเรื่อยๆเราเจอสุดทางคอนกรีตแล้วเป็นถนนลูกรังแยกซ้ายขวา แวะหยุดแปปนึงมองไปทางขวาเข้าป่ายางพารา มองซ้ายเหมือนเข้าไปแล้วมีรีสอร์ท มีป้ายเล็กๆเขียนว่าอ่าวใหญ่ อย่าคิดเยอะเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเลยจ้า 555 ไปถึงก็จัดว่าเด็ดเลยบรรยากาศดี๊ดี ให้ภาพบรรยายละกัน จากที่เห็นในภาพบริเวณนี้เป็นเหมือนตรงจุดเริ่มของอ่าวใหญ่อ่ะคะ ในความเข้าใจของเรานะคะ เพราะเราเห็นตรงนี้ตั้งแต่ตอนเดินเล่นหน้าหาดตรงที่พัก อย่าคิดไรเยอะจ้าเดินเก็บบรรยากาศกันยาวๆเลย ถ่ายรูปจนสวยแล้ว ก็ไปต่อได้ค่ะ 55555 เมื่อกี้เราบอกไว้ตอนต้นใช่มั้ยว่าเจอทางแยก เราไปต่อทางแยกอีกทางนั้นคือทางขวาค่ะ ร้องโอ้ววมากก รถมอเตอร์ไซค์นี่ถ้ามือไม่แข็ง ขับไม่คล่องมีโอกาสล้มได้เลยค่ะ 5555+ ท่านโปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ มันขึ้นเขา ลงเขาเยอะมากหลายจุด แล้วเลาะป่ายางพาราแบบแอบเปลี่ยวนิดนึง แล้วทางก็นะเพิ่งเจอฝนตกมาหมาดๆ มีทั้งร่องน้ำ ร่องล้อบดทำแอ่งดินเหนียวซะลื่นเลย ไหนจะหิน ไหนจะรากไม้ โอ้ยยลุ้นระทึกตลอดทางจ้า 55555 ภาพนี้คือเจ้าของกระทู้ลงเดินค่ะหลังช่วยดึงรถหลุดจากหลุม 5555+ ขำมากขำกันลั่นป่า (ภาพถนนหนทางอาจจะไม่ค่อยได้เก็บมานะคะต้องขอโทษด้วย) ถ้าไม่ผิดพลาดอะไรจำได้ว่าขับขึ้นไปเรื่อยๆจะถึงอ่าวกวางปี๊บ แต่สุดท้ายภารกิจล่มค่ะไปต่อไม่ไหวจริงๆ ขับมอเตอร์ไซค์ไม่แข็งขนาดนั้นกลัวล้มมากกว่า เลยวนกลับไปทางเดิมโดยตั้งใจไว้ว่าจะไปหาร้านอาหารทะเลทานกัน ก็จัดกันไปเบาๆ จ้า รอนานนิดนึงแต่รสชาติจัดว่าเด็ด บรรยากาศจัดว่าดี ^^ เอ้า ! อิ่มแล้วก็ลุกเดินทางกันต่อเลยจ้า เค้าบอกมาว่ามาถึงเกาะพยามแล้วต้องไป ฮิปปี้บาร์ (Hippy Bar) ถ้าไปจากทางท่าเรือพอถึงแยกโรงเรียนเกาะพยามเค้าบอกว่าให้ขับตรงไปเราก้ไปตามทางเรื่อยๆเลยค่ะ สังเกตทางซ้ายมือจะเจอป้ายเล็กๆมีลูกศรชี้ Hippy Bar ก็เลี้ยวเลยจ้า ในโซนนี้จะเป็นส่วนของอ่าวเขาควายค่ะ ( Buffalo Bay) พอรถจอดปุ๊บอารมณ์ว้าวก็มาอีกแล้วค่ะคุ๊ณณณ ชอบอ่ะ รักเลย ชอบบรรยากาศแบบนี้ ก็นั่งเล่นกันอยู่นานเลยละค่ะกว่าจะถ่ายรูปเล่นกันริมหาด เดินเล่น นั่งเล่นที่ฮิปปี้บาร์ จากบ่ายยันเย็นอ่ะค่ะ 555 ก็บอกแล้วว่าชอบจริงๆ อันนี้ภาพกลางวันนะคะคิดดูยังสวยขนาดนี้ กลางคืนล่ะจะสวยขนาดไหน แต่เราไม่เสี่ยงมากลางคืนนะเพราะถนนก็ขับยากใช้ได้มีขึ้นเนินลงเนินขรุขระพอตัวเลย มีแต่สาวๆด้วยและอย่างที่บอกข้างต้นว่าขับรถไม่แข็ง 555+ ระหว่างทางกลับมาที่พักก็แวะซื้อขนมซื้อน้ำกลับเข้ามาที่พักค่ะ มาถึงก็สลบกันเป็นแถวๆ เพลียแดด เพราะแดดค่อนข้างแรงแต่เราก็บ่ยั่นดำแล้วดำอีกก็ได้ 555+ ที่ตั้งใจไว้กะว่ารอแดดร่มๆจะออกไปเล่นน้ำ สุดท้ายหลับจ้ะ พอมืดๆหน่อยก็ออกมานั่งเล่นที่ร้านอาหารของทางรีสอร์ทกัน เพื่อทานมื้อเย็นเบาๆ ในส่วนของบรรยากาศนี่ดีต่อใจ คิดภาพตามนะคะเสียงคลื่นๆเอื่อย ลมทะเลเบา โอ้วววว ให้ภาพบรรยายอีกซักที พอสองทุ่มกว่าก็กลับห้องพักค่ะ เตรียมตัวพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เตรียมพร้อมสำหรับเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ สุดท้ายท้ายสุด ถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ มันก็จะซึมๆหน่อย เพราะติดใจบรรยากาศ ติดใจความสงบ ที่นี่ซะแล้ว เฮ้ออ ช่วงเช้าของวันนี้เราแยกย้ายกันตามอัธยาสัยเลยค่ะ ใครใคร่นอนนอน ใครอยากเดินเล่นก็ไป ใครอยากถ่ายรูปก็เชิญ ซึ่งตัวเจ้าของกระทู้เองเลือกที่จะเดินเล่นถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย เราเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักตอนเที่ยงพอดีค่ะ (พี่เจ้าของที่พักเค้าใจดีเลทเวลาให้นิดหน่อย) ก่อนกลับเเวะไปไหว้พระที่วัดเกาะพยาม ซึ่งแดดนี่บอกเลยว่าจัดจ้านมากก แต่นั่นยิ่งทำให้น้ำทะเลดูใสและสวยมากขึ้นไปอีก ยิ่งมองเห็นโบสถ์กลางน้ำไกลๆตัดกับสีน้ำทะเล หื้มมมม..มันสดชื่นนนน เที่ยวกันจนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกันจริงๆแล้วว แอบใจหายนิดๆอ่าา (นี่แค่สองวันบนเกาะยังติดใจขนาดนี้ ถ้าอยู่ซักเดือนน่าตั้งรกรากอยู่เลย 5555) เรือเมล์ออกเวลาบ่ายสองค่ะ เพราะฉะนั้นบ่ายโมงครึ่งเราจึงมายืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเพื่อรอขึ้นเรือตรงนี้ และนี่คือเรือเมล์ที่พาเราเดินทางกลับขึ้นฝั่งเมืองระนองจ้า คนขายตั๋วบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาน 2 ชม. แต่เอาเข้าจริงๆเราว่ามันเลทไปเยอะเหมือนกันนะ ขากลับก็เก็บภาพบรรยากาศไปเรื่อยๆ เจอฝนตกกลางทะเลเป็นช่วงๆ ที่เห็นในภาพนี้คือ BlueSkyResort ค่ะ ได้เเต่มองไกลๆ เวลาประมาน 16.20 น. เราถึงฝั่งพร้อมกับพาฝนมาขึ้นฝั่งด้วย 555 พอมาถึงปุ๊บก็มองหารถที่จะพาเราไป บขส.ระนอง ก็ได้พี่คนนึงค่ะเค้าขับวินอยู่ตรงนั้นถ้านั่งวินไปเค้าคิดคนละ 80 บาท เราเลยลองต่อรองราคาว่าลดได้ไหมพี่แกคิดคนละ 50 บาทค่ะ เเกเห็นว่าเรามากันสี่คนจึงไปเอารถยนต์มาแทนเพื่อพาเราไปบขส.ระนอง ลืมบอกว่าเราโทรจองตั๋วขากลับไว้ก่อน ของ บ.โชคอนันต์ทัวร์ เหมือนเดิม วันที่โทรไปจองเหลือแต่ ปรับอากาศชั้น 1 ค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าลุ้นมากเพราะเค้าให้เราไปรับตั๋วก่อนเวลา 5 โมงเย็น แต่เราก็ไปถึงทันหน้าเคาท์เตอร์พอดี 5555+ดีใจคุ้มกับที่วิ่งหน้าตั้งไป ได้ตั๋วเเล้ว รอบสองทุ่ม สบายใจ หิวเเล้ว ป่ะกินข้าวกัน ^^ หมดดจบแล้วววว สำหรับการรีวิวเที่ยวเกาะพยามครั้งนี้ บับบายยยจนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดี ปอ.ลิง. ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้นเราจำได้แต่ค่าใช้จ่ายหลักเเต่ค่ากินยิบย่อยไม่ได้จำเลย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้